ทางรอดธุรกิจ SME
โบราณว่าไว้ สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
แม้ว่าธุรกิจของเราจะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่สิ่งที่เราไม่รู้คือ เราจะดีแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน
ธุรกิจสมัยก่อนเปลี่ยนทุก 40 ปี แต่สมัยนี้เปลี่ยนทุก 3 ปี
ผมกำลังจะหมายความว่า การทำธุรกิจสมัยก่อน หากเราทำได้ดี เราสามารถใช้โมเดลธุรกิจเดิม ๆ ได้นานถึง 40 ปี อาจจะไม่ได้หมายถึงรวยตลอด 40 ปี แต่ก็อยู่รอดได้อย่างไม่ลำบากมากนัก
พอมาถึงปัจจุบัน ในวันที่ธุรกิจแทบทุกประเภทถูก Disrupt หรือถูกแทรกแซงโดยธุรกิจสายพันธ์สตาร์ทอัพต่าง ๆ
แอพพิเคชั่นหลายตัว สร้างความสะดวกสบาย และแก้ปัญหาต่าง ๆให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นแอพรวมโรงแรม แอพเปรียบเทียบราคาสินค้า แอพบริการส่งสินค้า เรียกแท็กซี่ และอีกมากมาย
ทุกแอพพิเคชั่นล้วนเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาบางอย่าง
จะสังเกตได้ว่า การทำธุรกิจ และการทำแอพพิเคชั่นให้ประสบความสำเร็จ มีความเหมือนกันอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือ เราต้องคิดถึงลูกค้าก่อนคิดถึงตอนเอง
หากธุรกิจใดที่คิดถึงผลกำไรก่อนความสุขของลูกค้า ธุรกิจนั้นย่อมไม่รอดอย่างแน่นอน
ดังนั้น ผมจึงสรุปทางรอดของธุรกิจ SME ออกมาเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. Passion
ความชอบ ความถนัด หรือประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลานาน – การมี Passion จะช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาวิกฤตได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มี เพราะ Passion คือความสุข ความหลงใหลที่ได้ทำงานที่เรารัก คนประเภทนี้จะไม่มีวันเจ๊ง เพราะเขาจะมีความสุขตลอดเวลาที่ได้แก้ไขปัญหาให้สำเร็จลุล่วง
2. แรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจที่ดีที่สุด มักจะเกิดจากครอบครัวที่อบอุ่น ให้กำลังใจ และสนับสนุนกันโดยตลอด อีกส่วนหนึ่งคือหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ดี มีความเข้าใจ กล้าขัดขวางยามที่ตัดสินใจผิดทาง บุคลิกของหุ้นส่วนต้องชัดเจน ใครเป็นฝ่ายบุก ใครเป็นฝ่ายซัพพอร์ต รวมถึงต้องทำธุรกิจร่วมกันเพราะการวมตัวกัน สร้างประโยชน์อย่างชัดเจนให้แก่ลูกค้า
3. กระแสเงินสด
หลายคนมองข้ามความสำคัญด้านนี้ไป กระแสเงินสดถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของธุรกิจ หลายธุรกิจเจ๊งเพราะเงินสดขาดมือ หลายธุรกิจเจ้าของต้องทำงานตลอดเวลา หยุดพักไม่ได้ เพราะธุรกิจมีสต็อคสินค้ามหาศาล คำนวณพลาดไม่ได้ ดังนั้น ธุรกิจประเภทใดที่มีสต็อคเยอะและหลายหลายดีไซน์ รวมถึงต้องให้เครดิตลูกค้าเป็นระยะเวลานาน อันนี้ต้องระวังให้มาก เพราะมีสิทธิ์ที่จะขาดแคลนกระแสเงินสดได้ตลอดเวลา
4. Business Model
ธุรกิจที่ดี ต้องวางโมเดลธุรกิจที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยส่วนใหญ่ เรามักจะมุ่งเน้นไปที่ “Differentiate หรือความแตกต่างของสินค้า” ซึ่งหมายถึงการทำให้ลูกค้ามองสินค้าหรือบริการของเราแตกต่างจากรายอื่น โดยรู้สึกได้รับคุณค่ามากกว่าคู่แข่ง อีกอย่างนึงคือ “Cost Leadership หมายถึงความได้เปรียบด้านต้นทุน” คือการลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด เพื่อตั้งราคาให้ถูกที่สุด โดยเน้นการขายในปริมาณมาก ๆ เพื่อให้ได้ยอดขายเยอะ ๆ และได้เปรียบคู่แข่งอย่างชัดเจน
5. ความพอดี
ข้อนี้อาจจะฟังดูแปลกสักหน่อย แต่ธุรกิจที่ดี ต้องรู้จักพอดีในจุดที่ตนเองมี ค่อย ๆ ขยับขยาย อย่ารีบร้อนเกินไป การกู้หนี้ยืมสินเพื่อขยายธุรกิจ อาจจะทำให้เราโตเร็วเป็นพิเศษ(ถ้าขายดี) แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เราอาจจะหมดตัวในพริบตา เคสแบบนี้ก็เห็นมาไม่น้อย ดังนั้น การทำธุรกิจที่ดี ต้องรู้จักขยายแบบโตโยต้า นั่นคือ โตแบบก้าวบันได โตขึ้นทุกปี แค่นี้คุณก็ทำธุรกิจได้อย่างมั่นคงและเติบโต 100% แน่นอนครับ
จะเห็นได้ว่า การทำธุรกิจ SME ให้สำเร็จนั้นไม่ยากเลย แต่ต้องทำด้วยความชอบหรือระมัดระวัง ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำธุรกิจด้วยความสุขและมั่นคงนะครับ ^^